อยากรู้ว่าใครเป็นคนดี เราสามารถดูจากการพูดของเขาได้ ซึ่ง การพูดเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ผู้อื่นได้รับรู้ แต่ว่าแต่ละคนก็มีวิธีพูด
ถ้าคุณอยากเสริมบุคลิกภาพ และให้เป็นคนที่ใครๆก็อยากคบหาด้วย เป็นคนมีเสน่ห์ เพราะการพูดก็คือพฤติกรรมการสื่อสารของมนุษย์ โดยอาศัยภาษา ถ้อยคำ น้ำเสียง ตลอดจนกิริยาท่าทาง และอื่น ๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตนแก่ผู้อื่น ให้เกิดผลตอบสนองตามที่ต้องการ
ฉนั้นการพูดดีนั้นเป็นประโยชน์อย่างมาก ตัวอย่างของการพูดให้เป็นคนมีเสน่ห์ มีดังต่อไปนี้
# พูดแล้วต้องก่อให้เกิดประโยชน์
ให้เกิดผลดีทั้งแก่คนพูดและคนฟังรวมไป ถึงคำพูดนั้น ๆ จะเป็นคำสุภาพ แต่หากพูดแล้วไม่เกิดประโยชน์ แต่ให้เกิดโทษ แทนเราก็ไม่ควรพูด ต้องมีเป้าหมายในการพูด พูดอย่างมีสาระ มีขอบเขตชัดเจนว่าต้องการสื่อสารเรื่องอะไร หรือต้องการจะบอกกับผู้ฟังว่าอะไร
# ดูกาลเทศะ
เพราะแม้จะใช้คำพูดที่ดีเป็นคำจริง เป็นคำสุภาพ แต่คำพูดที่มีประโยชน์ และพูดด้วยจิตที่เมตตา แต่หากผิดจังหวะ ไม่ถูกกาลเทศะ ผู้ฟังยังไม่พร้อมที่จะรับจากนั้น จะทำให้เกิดผลเสียได้ เหมือนกัน
ฉนั้น ต้องดูว่าเราต้องพูดในหัวข้อไหน เรื่องอะไร พูดที่ไหน ใครฟัง ผู้ฟังกี่คน ฟังกันในที่เปิดเผย หรือในห้องจำกัด พูดสั้นหรือพูดยาว จริงจังหรือกันเอง ใครอ่านสถานการณ์ออก เตรียมตัวพร้อม ก็สามารถพูดจาได้น่าจดจำตามวาระและโอกาสนั้นๆ ได้เสมอ
# พูดด้วยความเมตตาปรารถนาดี
ต้องการให้คนฟังนั้นมีความสุข คือ จะพูดจริงเป็นคำสุภาพ พูดแล้วเกิดประโยชน์ แต่หากจิตยังคิดโกรธก็ ยังไม่สมควรพูดเท่าไหร่นัก เพราะผู้ฟังอาจรับไม่ได้ในขณะนั้น
# พูดในสิ่งที่เป็นความจริง ไม่มโน
และก็ต้องไม่เป็นคำที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไม่เสริมความความคิดของตัวเอง หรือแต่เรื่องขึ้นมาโดยไม่มีมูล สามารถพิสูจน์ได้ว่าคำพูดที่พูดไป เป็นความจริงหรือไม่ อย่าลืมว่าความลับนั้นไม่มีในโลก ถ้าคุณพูดจาเพ้อเจ้อ ซักวันก็ต้องมีคนรู้
# สุภาพไพเราะ
คำพูด ที่ออกมาจากน้ำใจอันบริสุทธิ์ ทั้งต้องไม่เป็นคำหยาบคำประชดประชันหรือแม้แต่คำเสียดสี และ เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกับผู้อื่นระหว่างการสนทนา ไม่ควรพูดจาหยาบคาย รุนแรง แต่ควรรู้จักกล่าวคำขอบคุณ ขอโทษ หรือเสียใจในโอกาสอันเหมาะสม